แปลเพลง Wonderful life - Bring Me The Horizon
Hey there, are we rolling?
Oh, okay; nice, no that’s not
ไงพวก พร้อมกันหรือยัง
โอ โอเค ดี เดี๋ยวยังก่อน
I read fun facts about the brain and
How it starts to deteriorate when
We get to 27 or there abouts (Yeah)
It got me thinking about my head and what
I can do to help stimulate it, makes me sad, but
I’ve forgotten what I’m on about
ผมไปรู้เรื่องจริงสนุกๆเกี่ยวกับสมองมา
คือสมองมันจะเริ่มเสื่อมลง
เมื่อเราอายุ27 หรือไม่ก็ประมาณนั้นแหละ
มันทำให้ผมเริ่มคิดถึงสมองของตัวเองและ
ผมจะกระตุ้นมันอย่างไงดี นั้นทำผมเศร้านะ แต่ว่า
แต่ว่า ผมลืมไปแล้วว่ะ ว่าผมจะพูดอะไร
Looked on the bright side, got keratitis
And you can’t sit there unless you’re righteous
I wear a happy face like I’m Ed Gein
I feel all numb now, is that a feeling?
Like a plastic boxed orange with no peel on
I wanna waste, I wanna waste, I wanna waste away
มองแต่ด้านสว่าง เดี๋ยวก็กระจกตาอักเสบหรอก
และคุณไม่สามารถเข้าไปนั่งในโบส์ถได้นอกจากคุณจะโคตรเป็นคนดี
ผมมีใบหน้าที่ยิ้มแย้มเหมือน Ed Gein (ฆาตกรโรคจิตนะเออ)
ผมชาจนหมดความรู้สึกแล้วตอนนี้ ว่าแต่นั้นใช่ความรู้สึกรึเปล่าวะ
เหมือนกับส้มที่ปลอกเปลือกอยู่ในกล่องพลาสติก (เดี๋ยวไปอธิบายช่วงท้าย)
ผมอยากจะหาย ผมอยากจะหายไปเลย
Alone getting high on a Saturday night
I’m on the edge of a knife
Nobody cares if I’m dead or alive
Oh, what a wonderful life
เมาอยู่คนเดียวในคืนวันเสาร์
ผมคาบเกี่ยวอยู่ระหว่างความสำเร็จและล้มเหลว
ไม่มีใครสนหรอกว่าผมจะอยู่หรือตาย
โอ แม่งช่างเป็นชีวิตที่สวยงามจริงๆ
Oi, Debbie Downer, what’s your problem?
Don’t wanna be here, still, call a shotgun
You got the FOMO coursing through my veins (Yo, yo, yay)
This is not a drill, no, this is the real world
Domesticated, still a little feral
Well, don’t you know to chew with your mouth closed?
And it's all gone wrong!
ไง Debbie Downer มีปัญหาอะไรรึเปล่า
ไม่อยากจะอยู่ที่นี้แล้วหรอ แป๊บ เดี๋ยวเรียกรถ(หาปืน)ให้นะ
คุณเป็นเหมือน FOMO ที่หลอเลี้ยงเส้นเลือดของผม
แต่นี้ไม่ใช้่สนามฝึก ไม่ใช่ นี้อะมันชีวิตจริง
ถึงจะชาชินแล้วก็เหอะ แต่โลกก็ยังโหดร้ายอยู่ดี
เออ คุณไม่รู้จักวิธีเคี้ยวอาหารแบบไม่เปิดปากหรอ
ทุกอย่างแม่งมั่วไปหมดะ
Alone getting high on a Saturday night
I’m on the edge of a knife (Yeah!)
Nobody cares if I’m dead or alive
Oh, what a wonderful life
เมาอยู่คนเดียวในคืนวันเสาร์
ผมคาบเกี่ยวอยู่ระหว่างความสมเร็จและล้มเหลว
ไม่มีใครสนหรอกว่าผมจะอยู่หรือตาย
โอ แม่งช่างเป็นชีวิตที่สวยงามจริงๆ
I got a Type 2 kinda thirstiness
A far-out otherworldliness
And one day this might hurt me less
But everybody knows I’m still down
Don’t tell me what the butcher does
There’s no need for the obvious
So ugly, still, it’s kinda lush
But everybody knows I made vows
Left feet on the podium
Can’t think of an alternate
And hell yeah, I’m the awkwardest
But everybody knows I got bounce
ผมมีความกระหายอยู่สองอย่างในตัว
และมันค่อนข้างจะแหกคอกจากคนอื่น
บางทีมันอาจทำให้ผมเจ็บปวดน้อยลงได้บ้าง
แต่ทุกคนรู้ว่าผมยังจิตตกอยู่
ไม่ต้องมาบอกผมว่าเขาแร่เนื้อกันอย่างไง (โอลิเป็นมังสวิรัติ)
มันไม่จำเป็นต้องรู้อย่างละเอียดหรอก
ถึงจะน่าขยะเเขยงแต่ก็ยังดูน่าอร่อยอยู่ดี
แต่ทุกคนก็รู้ว่าผมลั่นวาจาไปแล้ว
เท้าซ้ายเหยียบอยู่บนโพเดียม
ไม่มีทางคิดถึงทางอื่นแล้ว
นรกเอ๋ย ผมนี้โครตรำคารเลย
แต่ทุกคนก็รู้ผมดีดตัวเองมาพ้นแล้ว
Alone getting high on a Saturday night
I’m on the edge of a knife
Nobody cares if I’m dead or alive
Oh, what a wonderful life
Oh, what a wonderful life
Oh, what a wonderful life
Nobody cares if I’m dead or alive
Oh, what a wonderful life
เมาอยู่คนเดียวในคืนวันเสาร์
ผมคาบเกี่ยวอยู่ระหว่างความสมเร็จและล้มเหลว
ไม่มีใครสนหรอกว่าผมจะอยู่หรือตาย
โอ แม่งช่างเป็นชีวิตที่สวยงามจริงๆ
ความหมายของเพลง
เป็นเพลงที่พูดถึงชีวิตอันสวยงามของโอลิเวอร์แบบเน้นๆเลยค่ะ เนื้อเพลงเต็มไปด้วยการประชดประชนตั้งแต่ยิ้ม Ed Gein ที่หน้าโครตจะเหี้ยมล่ะ 55555
มาเราขอเริ่มอธิบายจากส่วนนี้ก่อนเลย "Like a plastic boxed orange with no peel on"
ก็คือส้มที่ปลอกใส่ไว้ในกล่องพลาสติกที่เป็นประเด็นในโลกออนไลน์ค่ะ
คำแปลจากรูปคือ "หากธรรมชาติสามารถหาวิธีที่จะปกปิดผิวส้มพวกนี้ได้แล้ว เราก็ไม่ควรจะสิ้นเปลื่องพลาสติกไปกับเรื่องนี้"
บริบทในเพลงโอลิน่าจะบอกว่าตัวเองกำลังหมดเวลาไปกับเรื่องไร้ประโยคทำนองนี้อะค่ะ
ส่วนท่อนนี้
"Oi, Debbie Downer, what’s your problem?
Don’t wanna be here, still, call a shotgun"
แดบบี้ ดาวเนอร์ เป็นตัวละครสมุติที่โครตจะกวนทีนแล้วก็ยังเป็นแสลงเรียกพวกคนตลกร้าย ตัวทำลายบรรยาการ (ลองไปหาคลิปในยูทูปดูค่ะ) คือถ้าคนอย่างแดบบี้เนี้ยยังทนไม่ไหวก็เท่ากับว่าสถานการณ์มันคงสุดแล้วจริงๆ โอลิก็เลยอาสาจะ "call a shotgun" ให้เธอค่ะ จริงๆและคำนี้แปลว่าเรียกรถแล้วของที่นั่งข้างคนขับค่ะ แต่ในเพลงคงจะหมายถึงปื่นจริงๆนั้นแหละ(มั้ง)เพราะแดบบี้นางเหลือทนแล้วนี้ 5555
ต่อมา"You got the FOMO coursing through my veins"ท่อนนี้ค่ะ
FOMO ย่อมาจาก Fear of missing out คือคำนิยามของอาการการกลัวการตกกระแส การไม่มีตัวตน การไม่ได้รับการยอมรับค่ะ
จากบริบทในเพลงก็คือ 'You' เนี้ยเป็นคนที่สำคัญกับโอลิมาก เขาอยากได้รับการยอมรับและอยากมีตัวตนในสายตาคนคนนี้ตลอดเวลา
ก็ประมาณนี้อะคะ ก็ขอจบการตีความชีวิตแสนสวยงามของ Oliver Sykes ไว้เพียงเท่านี้ ขอบคุณค่ะ
(แค่นี้ก็มั่วไปหมดละ5555)
****เพิ่ม "chew with your mouth closed" เป็นการเคี้ยวอาหารแบบพวกผู้ดีเขาทำกันค่ะ ถือเป็นมารยาทในสมัยก่อนเลยค่ะ เพราะงั้นในเพลงนี้โอลิถามคุณว่าคุณเคี้ยวอาหารด้วยวิธีแบบนั้นเป็นไหม ถ้าคุณตอบว่าไม่เป็นก็เท่ากับคุณมันพวกไม่มีมารยาทไม่มีอารยธรรมค่ะ (แซะเก่งเหมือนกันนะเนี้ย)
related posts
2018
ตุลาคม 23, 2561
1
เจ่งครับบ
ตอบลบ