แปลเพลง Doom Days - Bastille

แปลเพลง Doom Days - Bastille



When I watch the world burn
All I think about is you
When I watch the world burn
All I think about is you
ตอนผมมองโลกที่กำลังลุกไหม้
ทั้งหมดที่ผมคิดถึงคือคุณ
ตอนผมมองโลกที่กำลังลุกไหม้
ทั้งหมดที่ผมคิดถึงคือคุณ



There must be something in the Kool-Aid
Cruising through the doom days
God knows what is real and what is fake
Last couple years have been a mad trip
How'd y’all look so perfect?
You must have some portraits in the attic
มันต้องมีอะไรสักอย่างอยู่ในน้ำKool-Aid*นี้
ล่องผ่านไปตามวันโลกาวินาศนี้
พระเจ้ารู้ว่าสิ่งใดจริงแท้สิ่งใดจอมปลอม
ช่วงสองปีหลังมันเป็นช่วงชีวิตที่บ้าบอมาก
พวกคุณทุกคนดูเพอร์เฟคขนาดนั้นได้อย่างไง
คุณต้องมีภาพวาดตัวเอง*ซ่อนไว้ในห้องใต้หลังคาแแน่ๆ


We'll stay offline so no one gets hurt
Hiding from the real world
Just don't read the comments ever, ever
We fucked this house up like the planet
We were running riot
Crazy that some people still deny it
เราจะออฟไลน์ไว้จะได้ไม่มีใครต้องจ็บปวด
หลบซ่อนจากโลกแห่งความจริง
แล้วก็อย่าอ่านไปอ่านคอมเม้นเชียวล่ะ
เราทำให้บ้านหลังนี้พังเหมือนโลกนั้นแหละ
เราวิ่งพล่านกันไปทั่ว
บ้านะที่ใครบางคนยังไม่ยอมรับมันอีก


Think I’m addicted to my phone
My scrolling horror show
I'm live-streaming the final days of Rome
One tab along, it's pornographic
Everybody's at it
No surprise we're so easily bored
คิดว่าผมคงติดโทรศัพท์เข้าให้แล้ว
ยิ่งเลื่อนไปก็ยิ่งเหมือนดูรายการสยองขวัญ
ผมกำลังไลฟ์สดวันวันพังพินาศของกรุงโรม
เว็บเดียวที่เปิดอยู่ มันคือเว็บอนาจาร
มีทุกคนอยู่ในนั้น
ไม่สงสัยเลยที่เราเบื่อกันง่านเหลือเกิน


Let's pick the truth that we believe in
Like a bad religion
Tell me all your original sins
So many questionable choices
We love the sound that our voice makes
Man, this echo chamber's getting loud
มาเลือกความจริงที่เราจะยึดถือกันเถอะ
เหมือนกับศาสนาแย่ๆน่ะ
บอกผมเกียวกับทุกบาปดั้งเดิมของคุณ
มีทางเลือกที่น่าสงสัยอยู่มากมาย
เราชอบซาว์ดที่เสียงของเราสร้างขึ้นมา
พวก ห้องสะท้อนเสียงนี้กำลังดังขึ้นเรื่อยๆ



We're gonna choose the blue pill
We’re gonna close the curtains
We’re gonna rabbit hole down, third act love now
She's gonna flip some tables
I’m gonna move this tale on
We're gonna rabbit hole down, third act love now
เราจะเลือกเม็ดยาสีน้ำเงิน*
เราจะปิดหน้าต่างไม่รับรู้อะไร
เราจะลงไปในหลุมหลบภัย นี้คือฉากสุดท้ายแห่งความรัก
เธอจะเลิกล้มกับเรื่องนี้
ส่วนผมจะเล่าเรื่องนี้ต่อไป
เราจะลงไปในหลุมหลบภัย นี้คือฉากสุดท้ายแห่งความรัก


We'll be the proud remainers
Here till the morning breaks us
We run away from real life, thoughts tonight
We're gonna Peter Pan out
Fade to the close-up, arms ’round
We're gonna stay naive tonight, night, night
เราคือความภาคภูมิที่หลงเหลืออยู่
ตรงนี้จนกว่ารุ่งอรุณจะทำลายเราไป
เราจะวิ่งหนีไปจากชีวิตจริง ครุ่นคิดถึงค่ำคืนนี้
เราจะใช้ชีวิตเหมือนปีเตอร์ แพน
เลือนหายไปกับความใกล้ชิด โอบกอดกันไว้
เราจะอยู่กับความไร้เดียงสาในค่ำคืนนี้


When I watch the world burn
All I think about is you
When I watch the world burn
All I think about is you
ตอนผมมองโลกที่กำลังลุกไหม้
ทั้งหมดที่ผมคิดถึงคือคุณ
ตอนผมมองโลกที่กำลังลุกไหม้
ทั้งหมดที่ผมคิดถึงคือคุณ


You
All I think about is you
So I put my phone down
Fall into the night with you
คุณ
ทั้งหมดที่ผมคิดถึงคือคุณ
ผมจะวางโทรศัพท์ลง
แล้วจมลงไปสู่ค่ำตืนนี้กับคุณ



ความหมายของเพลง


บรรบายกาศในเพลงนี้คือภาพของวันสิ้นโลกค่ะ ทุกอย่างโกลาหลไปหมด แต่คู่รัก(ที่เป็นตัวเอกของเพลงนี้) เลือกที่จะมองข้ามความวุ่นวายของโลกภายนอกแล้วหลบเข้าไปอยู่ในบ้านของตัวเอง ใช้ชีวิตเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นแม้จะรู้ว่าคืนนี้เป็นคืนสุดท้ายแล้วก็ตามค่ะ


 มีช่วงหนึ่งของเพลงที่เปรียบเทียบการติดโทรศัพท์ เหมือนการเผชิญกับปัญหาโลกแตกต่างๆเพราะยิ่งเลื่อนหน้าจอไปเท่าไหร่ก็ยิ่งพบกับข่าวสารเลวร้ายต่างๆในทุกวัน เขาเลยเลือกที่จะวางโทรศัพท์ลง แล้วหันไปสนใจคนที่อยู่ข้างกลายแทน (นี้เป็นประเด็นหลักของเพลงเลยค่ะ)


*There must be something in the Kool-Aid ท่อนนี้เป็นการยกเหตุการณ์ ที่ผู้นำลัทธิหนึ่งหลอกให้คนในลัทธิของตัวเองกินน้ำโซดาผสมยาพิษจนมีคนเสียชีวิตไป 913 คนจาก 1000 คนค่ะ จากนั้นคำว่า drinking the kool aid ก็กลายเป็นเหมือนสำนวนที่มีความหมายประมาณว่า การงมงายเชื่ออะไรง่ายๆจนเป็นต้นเหตุของความอันตรายค่ะ


*You must have some portraits in the attic ท่อนนี้พูดถึงนิยายเรื่อง The Picture of Dorian Gray ของ Oscar Wilde เรื่องย่อก็คือ ตัวเองในเรื่องได้อธิฐานให้ความแก่ชราของเขาไปตกอยู่กับภาพวาดเหมือนของตัวเองที่ซ่อนอยู่ห้องใต้หลังคา ดังนั้นเขาเลยมีร่างกายที่ยังหนุ่มตลอดแม้จะผ่านเวลาไปนานเท่าไหร่ก็ตาม ส่วนภาพวาดของเขาก็แก่ลงเรื่อยๆ ส่วนในเพลงนี้ภาพวาดที่ซ่อนไว้ใต้หลังคาอาจเปรียบได้กับเอพแต่งรูปในโทรศัพท์ค่ะ


*We're gonna choose the blue pill ท่อนนี้อิงมาจากฉากหนึ่งในหนังเดอะแมททริกค่ะ ที่ตัวเอกต้องเลือกระหว่างยาเม็ดสีฟ้ากับสีแดง ยาเม็ดสีฟ้าจะทำให้เขาตื่นขึ้นมาแล้วลืมทุกอย่างเกี่ยวกับเดอะแมททริกไป ส่วนยาเม็ดสีแดงจะทำให้เขารู้ความจริงเกี่ยวกับพลังนั้น ในเพลงตัวเอกเลือกยาเม็ดสีฟ้า ก็เท่ากับเขาไม่อยากจะรับรู้เหตุการณ์ต่างที่กำลังดำเนินไปค่ะ แถมยังปิดม่านหน้าต่างหนีซะด้วย


2019
เมษายน 28, 2562
0

ความคิดเห็น

หาด้วย Google

หาเพลง/ศิลปิน